สุขภาพ ความรู้รอบตัว

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เรื่องเล็กที่อาจเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทุกคนควรรู้

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence)

กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หมายถึง ภาวะที่ไม่สามารถควบคุมการถ่ายปัสสาวะได้ ส่งผลให้ปัสสาวะเล็ดหรือราดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาการนี้สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุและผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตร

สาเหตุของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง

เกิดจากการตั้งครรภ์ คลอดบุตร หรือวัยหมดประจำเดือน

การยกของหนักบ่อย ๆ

การไอ จาม หรือออกแรงมากเกินไป

การเสื่อมของกระเพาะปัสสาวะและหูรูดปัสสาวะ

พบในผู้สูงอายุ กระเพาะปัสสาวะจะบีบตัวผิดปกติ

โรคประจำตัวที่มีผลต่อระบบประสาท

โรคเบาหวาน

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

โรคพาร์กินสัน

โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)

การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)

ทำให้เกิดอาการปวดปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ภาวะท้องผูกเรื้อรัง

ลำไส้ที่มีอุจจาระแข็งอาจกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการปัสสาวะราด

ผลข้างเคียงจากยา

ยาขับปัสสาวะ

ยากล่อมประสาท หรือยาลดความดันบางชนิด

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

กระตุ้นให้เกิดปัสสาวะบ่อยและไม่สามารถกลั้นได้

โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก

อาจมีผลทำให้การควบคุมปัสสาวะผิดปกติ

ประเภทของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

Stress Incontinence – ปัสสาวะเล็ดเมื่อออกแรง เช่น ไอ จาม หัวเราะ ยกของหนัก

Urge Incontinence – รู้สึกปวดปัสสาวะกะทันหันแล้วกลั้นไม่อยู่

Overflow Incontinence – ปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไหลออกเอง

Functional Incontinence – ไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้ทันเวลา เช่น ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมหรืออัมพาต

วิธีป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise)

ฝึกขมิบกล้ามเนื้อคล้ายกับการกลั้นปัสสาวะ ควรทำวันละ 3-4 ครั้ง

ควบคุมน้ำหนักตัว

น้ำหนักตัวมากทำให้เกิดแรงกดทับกระเพาะปัสสาวะ

หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นปัสสาวะ

คาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารเผ็ดจัด

ฝึกกระเพาะปัสสาวะ

พยายามกำหนดเวลาปัสสาวะ เช่น ทุก ๆ 2 ชั่วโมง

ดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่ไม่มากเกินไป

ดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำก่อนนอน

รักษาสุขภาพทางเดินปัสสาวะ

ป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะโดยการรักษาความสะอาด

วิธีรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

1.การรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด

ฝึกขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise)

ฝึกควบคุมการปัสสาวะ

ควบคุมน้ำหนักและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น

2.การใช้ยา

ยาคลายกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ เช่น Oxybutynin, Tolterodine

ยาฮอร์โมน (สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน)

3.การรักษาด้วยอุปกรณ์ช่วย

ใส่แผ่นซับปัสสาวะ

อุปกรณ์พยุงช่องคลอดสำหรับผู้หญิง (Pessary)

4.การผ่าตัด

ผ่าตัดยกกระเพาะปัสสาวะหรือใส่สายพยุงหูรูดปัสสาวะ

การฉีดสารเติมเต็มรอบ ๆ หูรูดปัสสาวะ

สรุป

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคทางระบบประสาท ไปจนถึงการใช้ยาบางชนิด วิธีป้องกันและรักษามีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การออกกำลังกาย ฝึกกระเพาะปัสสาวะ ใช้ยา หรือแม้แต่การผ่าตัด หากอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสม

Janwipa

Janwipa

About Author

You may also like

สุขภาพ

“น้ำตาล” ต้นเหตุปัญหาสุขภาพ ทานเยอะเสี่ยงหลายโรคร้าย!

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงาน เพิ่มรสชาติอาหาร แต่การทานในปริมาณที่เกินพอดีย่อมส่งผลเสีย เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น เสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ และปัญหาสุขภาพช่องปาก
ความรู้รอบตัว บ้านและสวน

18 ประโยชน์ของ “น้ำส้มสายชู” ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น!

หมดกังวลคราบหนักกับน้ำส้มสายชูสารพัดประโยชน์ ที่จะช่วยให้งานบ้านของคุณง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดล้างทำความสะอาด กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือแม้แต่ป้องกันแมลง