สุขภาพ ความรู้รอบตัว ผู้หญิง

ความสำคัญของการตรวจมะเร็งเต้านมที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้

โรคมะเร็งเต้านม ถือเป็น มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดของผู้หญิง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งการจะลดสถิตินี้ลงได้ คือต้องตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เรียกว่า ดิจิตอลแมมโมแกรม (การตรวจเอกซเรย์เต้านม) ซึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ของเต้านม รวมถึงค้นหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกได้ดี ทำให้นำไปสู่การรักษาที่รวดเร็ว ทั้งนี้การตรวจมะเร็งเต้านมเจอเร็วในระยะเริ่มต้น และทำการรักษาได้เร็วมีโอกาสที่จะหายขาดสูง

วิธีตรวจหามะเร็งเต้านม

การตรวจหามะเร็งเต้านมสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้

การตรวจด้วยมือ (Clinical Breast Exam – CBE)

แพทย์หรือพยาบาลจะตรวจหาก้อนผิดปกติในเต้านมและบริเวณใกล้เคียง โดยสัมผัสและกดเพื่อหาความผิดปกติบริเวณเต้านมและรักแร้

การตรวจเต้านมด้วยเอกซเรย์ (Mammogram)

เป็นวิธีการตรวจหามะเร็งเต้านมที่นิยมที่สุด เนื่องจากสามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติได้ในระยะแรก การเอกซเรย์เต้านมควรทำประจำทุกปีหรือทุก 2 ปี ขึ้นอยู่กับอายุและความเสี่ยง

การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ (Ultrasound)

ใช้ในการตรวจหาความผิดปกติในเต้านมโดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น ช่วยให้สามารถเห็นความแตกต่างระหว่างก้อนที่เป็นของเหลวและก้อนที่เป็นเนื้อเยื่อ

การตรวจด้วย MRI (Magnetic Resonance Imaging)

ใช้ในกรณีที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากการตรวจอื่นๆ หรือในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม

การตรวจมะเร็งเต้านมควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ การตรวจเป็นประจำช่วยให้ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้เร็วขึ้น

ประเภทของมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมมีหลายประเภทตามลักษณะของเซลล์ที่เปลี่ยนแปลงและวิธีการกระจายตัวของมะเร็ง ซึ่งมีผลต่อการรักษาและโอกาสในการรักษาหายขาด ประเภทหลัก ๆ ของมะเร็งเต้านม ได้แก่

  1. มะเร็งเต้านมผิวนอก (Ductal Carcinoma)
  • Ductal Carcinoma In Situ (DCIS) มะเร็งที่ยังไม่แพร่กระจายออกจากท่อน้ำนม
  • Invasive Ductal Carcinoma (IDC) มะเร็งที่แพร่กระจายออกจากท่อน้ำนมไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง
  1. มะเร็งเต้านมเยื่อบุ (Lobular Carcinoma)
  • Lobular Carcinoma In Situ (LCIS) การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในเซลล์ที่เยื่อบุของต่อมน้ำนม ไม่ถือเป็นมะเร็งแต่เป็นสัญญาณเตือนสำหรับมะเร็ง
  • Invasive Lobular Carcinoma (ILC) มะเร็งที่เริ่มจากเยื่อบุต่อมน้ำนมและสามารถแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง
  1. มะเร็งที่มีตัวรับฮอร์โมน (Hormone Receptor-Positive Breast Cancer)
  • มะเร็งเต้านมที่มีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือโพรเจสเตอโรน การรักษามักใช้ยาที่เปลี่ยนแปลงหรือหยุดการทำงานของฮอร์โมน
  1. มะเร็งที่มีตัวรับ HER2 (HER2-Positive Breast Cancer)
  • มะเร็งที่มีการแสดงออกของโปรตีน HER2 สูง มักตอบสนองดีต่อยาที่เป้าหมายเฉพาะโปรตีน HER2
  1. มะเร็งเต้านมทริปเปิ้ลเนกาทีฟ (Triple-Negative Breast Cancer)
  • มะเร็งที่ไม่มีตัวรับฮอร์โมนและไม่มีการแสดงออกของ HER2 มักจำเป็นต้องใช้การรักษาที่เข้มข้นกว่า และอาจยากต่อการรักษา
  1. มะเร็งเต้านมที่ไม่สามารถจำแนกประเภทได้ (Unspecified Breast Cancer)
  • มะเร็งเต้านมที่ไม่ตรงกับประเภทใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น และต้องพิจารณาตามลักษณะและการกระจายของเซลล์มะเร็ง

การทราบประเภทของมะเร็งเต้านมสามารถช่วยให้แพทย์กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับผู้ป่วยได้

การรักษามะเร็งเต้านม

การรักษามะเร็งเต้านมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทและขนาดของเนื้องอก, การกระจายของมะเร็ง, ตัวรับฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย นี่คือวิธีการรักษาหลักๆ ที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านม

  1. การผ่าตัด มีสองประเภทหลัก
  • การผ่าตัดเอาเต้านมทั้งหมด (Mastectomy) การผ่าตัดนี้จะเอาเต้านมทั้งหมด และบางครั้งรวมถึงเนื้อเยื่อใกล้เคียงและต่อมน้ำเหลืองในรักแร้
  • การอนุรักษ์เต้านม (Breast-Conserving Surgery หรือ Lumpectomy) การผ่าตัดเอาเฉพาะเนื้องอกและเนื้อเยื่อบางส่วนรอบๆ เพื่อรักษาเต้านมไว้มากที่สุด
  1. รังสีบำบัด มักใช้หลังจากการผ่าตัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ สามารถช่วยลดโอกาสของการกลับมาของมะเร็ง
  2. เคมีบำบัด ใช้ยาเคมีที่ทำลายเซลล์มะเร็ง เป็นวิธีที่ช่วยรักษามะเร็งที่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย หรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกก่อนการผ่าตัด
  3. ฮอร์โมนบำบัด สำหรับมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน ยาเหล่านี้จะขัดขวางหรือหยุดการผลิตฮอร์โมนที่มะเร็งต้องการเพื่อเติบโต
  4. บำบัดโดยเป้าหมาย (Targeted Therapy) ใช้ยาหรือสารอื่นๆ เพื่อระบุและโจมตีเฉพาะเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเซลล์ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมะเร็งที่มีการแสดงออกของโปรตีน HER2
  5. การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) กระตุ้นหรือเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง
  6. การบำบัดทางพันธุกรรม (Gene Therapy) อยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนา เพื่อรักษาโดยตรงที่ต้นเหตุของมะเร็งในระดับยีน

เพื่อความปลอดภัย ควรไปตรวจมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงเมื่ออายุครบ 35 ปีขึ้นไปควรไปตรวจ เต้านมด้วยเอกซเรย์ ทุกๆ ปีหรือปีเว้นปี และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี เพราะเป็นการค้นหา “มะเร็งเต้านม” ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งแน่นอนว่า หากพบโรคในระยะแรกๆ จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้ค่ะ

Janwipa

Janwipa

About Author

You may also like

สุขภาพ

“น้ำตาล” ต้นเหตุปัญหาสุขภาพ ทานเยอะเสี่ยงหลายโรคร้าย!

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงาน เพิ่มรสชาติอาหาร แต่การทานในปริมาณที่เกินพอดีย่อมส่งผลเสีย เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น เสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ และปัญหาสุขภาพช่องปาก
ความรู้รอบตัว บ้านและสวน

18 ประโยชน์ของ “น้ำส้มสายชู” ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น!

หมดกังวลคราบหนักกับน้ำส้มสายชูสารพัดประโยชน์ ที่จะช่วยให้งานบ้านของคุณง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดล้างทำความสะอาด กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือแม้แต่ป้องกันแมลง