ความรู้รอบตัว ผู้หญิง สุขภาพ แม่และเด็ก

ท้องลายหลังคลอด ควรรักษายังไงให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

ท้องลายหลังคลอดเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งมันเกิดจากผิวหนังถูกขยายอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังฉีกขาด จนเป็นรอยแตกลาย หรือเส้นรอยแตกลาย โดยปกติเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนังจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เมื่อเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมากเกินไป เช่น ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือน้ำหนักจะขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เส้นใยเหล่านี้ไม่สามารถรองรับการขยายตัวได้ จึงทำให้เกิดรอยแตกลายที่ผิว ทำให้ผิวดูไม่น่ามอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะมันมีวิธีป้องกัน และวิธีในการรักษาให้ผิวกลับมาสวยใสเหมือนเดิมได้ ซึ่งวันนี้เราก็เอาวิธีในการรักษาต่างๆ เหล่านั้นเอามาฝากให้ด้วย พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ

วิธีป้องกันท้องลายหลังคลอด

  1. รักษาระดับน้ำหนักให้สมดุล หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว โดยปรึกษากับแพทย์เพื่อหาน้ำหนักที่เหมาะสมในช่วงตั้งครรภ์ และพยายามควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่แพทย์แนะนำ
  2. บำรุงผิว ใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของวิตามิน E, วิตามิน A, และโคโคอาบัตเตอร์ เพื่อช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ทาโลชั่นเป็นประจำทุกวันบริเวณท้อง หน้าอก สะโพก และต้นขา
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามิน C วิตามิน E และสังกะสี เพื่อช่วยสร้างคอลลาเจนและการซ่อมแซมผิวหนัง
  5. ออกกำลังกายเป็นประจำ ออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรงและยืดหยุ่น

ควรเลือกวิธีในการรักษารอยแตกลายแบบไหนดี ระหว่างรักษาด้วยตนเอง หรือจะใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์

ในการเลือกวิธีที่จะใช้ในการรักษานั้นอาจจะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความรุนแรงของรอยแตกลาย, งบประมาณ, และความเสี่ยง การรักษาด้วยตนเองอาจเหมาะสมสำหรับรอยแตกลายที่ไม่รุนแรงมาก หรือเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา ในขณะที่การรักษาทางการแพทย์เหมาะกับรอยแตกลายที่รุนแรงกว่า หรือกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรักษาด้วยตนเอง

วิธีทำให้รอยแตกลายดูจางลงด้วยตนเอง

  1. เลือกการใช้ครีม หรือโลชั่นบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของวิตามิน E, เรตินอล เป็นวิตามินเอรูปแบบหนึ่งของกลุ่มเรตินอยด์ และไฮยาลูโรนิก แอซิด ทั้งนี้ควรใช้ครีมบำรุงเหล่านี้ให้ให้เป็นประจำ และสม่ำเสมอเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  2. การใช้น้ำมันธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอาร์แกน, และน้ำมันโจโจบา เป็นต้น น้ำมันเหล่านี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  3. การทานอาหารที่มีประโยชน์ การกินอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินเช่น วิตามิน C และ E สามารถช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างผิวพรรณ
  4. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิว

การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในการรักษาในการลดรอยแตกลาย

  1. รักษารอยแตกลายด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการลดรอยแตกลาย โดยเลเซอร์จะทำหน้าที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายและช่วยให้รอยแตกลายดูจางลง
  2. รักษาด้วยไมโครนีดเดิล Microneedling เป็นการนำตัวยาผสมเข้าไปในเข็มขนาดเล็กไม่เกิน 1 มิลลิเมตร (1,000 ไมครอน) ส่งไปยังชั้นลึกของผิวหนังตามที่กำหนด เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งช่วยซ่อมแซมและสร้างผิวหนังใหม่ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและรอยแตกลายดูจางลง
  3. รักษาด้วยการฉีด Fillers ใช้สารเติมเต็มเช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีรอยแตกลาย เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้รอยแตกลายดูเต็มขึ้นและจางลง
  4. รักษาด้วยสารเคมี โดยจะใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูงในการทำเปลือกผิว (Chemical Peels) เพื่อลอกเซลล์ผิวที่เสียหายออก ซึ่งช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่สุขภาพดีกว่าเดิมเติบโตขึ้นมา

กล่าวโดยสรุป

ถึงแม้ว่าปัญหารอยแตกลายจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ทำให้สาวๆ หลายคนขาดความมั่นใจได้โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่ชอบแต่งตัวที่ต้องโชว์ผิว เราจึงอยากแนะนำให้เริ่มดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการรักษารอยแตกลายในระยะเริ่มต้นที่รอยแตกลายเป็นสีแดงสามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าการปล่อยไว้นานๆ จนรอยแตกลายเปลี่ยนเป็นสีขาว ซึ่งรักษาเองค่อนข้างยาก ทั้งนี้ในการเลือกวิธีการรักษาท้องลายหลังคลอด  และรอยแตกลายที่อื่นๆ อาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากรอยแตกลายของคุณยังเป็นสีแดงอยู่ลองใช้วิธีการรักษาด้านบนที่เราได้เอามาฝากได้เลย แต่หากรอยแตกลายของคุณกลายเป็นสีขาวไปแล้วแนะนำให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าการรักษาด้วยตนเองแน่นอนค่ะ

Janwipa

Janwipa

About Author

You may also like

สุขภาพ

“น้ำตาล” ต้นเหตุปัญหาสุขภาพ ทานเยอะเสี่ยงหลายโรคร้าย!

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงาน เพิ่มรสชาติอาหาร แต่การทานในปริมาณที่เกินพอดีย่อมส่งผลเสีย เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น เสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ และปัญหาสุขภาพช่องปาก
แม่และเด็ก

มาเตรียมความพร้อมกับ “คู่มือคุณแม่มือใหม่” ในบทบาทที่ไม่คุ้นเคย

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงบทบาทใหม่ที่ตามมา เตรียมรับมือด้วยคำแนะนำต่อไปนี้